เมื่อพูดถึงเรื่องสวยๆงามๆ แบบแปะ กิน ทา มามากแล้ว วันนี้ฉันขอกระติ๊บขอพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับฉีดกันบ้าง เอาเป็นว่า ณ วินาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักน้องโบหรือโบท็อกซ์แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคุณลุง คุณป้า คุณยาย ต่างเคยได้ยินคำนี้กันมาบ้างแล้วบางคนอาจจะเคยใช้บริการฉีดโบท็อกซ์เพื่อความเป็นอมตะกันมาบ้างแล้วก็ได้
ก่อนอื่นต้องขอเล่าก่อนว่า โบท็อกซ์นั้นมีใช้กันมานาน โดยผ่านการทดลองมาร้อยแปด จากแต่ก่อนมีเพียงไม่กี่ยี่ห้อ แต่ตอนนี้โบท็อกซ์ยุคโลกาพิวัฒน์นี้มีหลายร้อยยี่ห้อจนจาระไนไม่หมด อันที่จริงแล้วโบท็อกซ์จะแบ่งตามสายพันธ์ุ แต่คุณผู้อ่านอาจจะไม่อยากรู้ ฉันเองยังขี้เกีดจำ เอาเป็นว่ามารู้จักโบท็อกซ์แบบบ้านๆ สไตน์หมอกระติ๊บเหมือนเดิมดีกว่านะคะ ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์เป็นการเล่นกับกล้ามเนื้อ เราสามารถใช้โบท็อกซ์ได้หลากหลาย เช่น การลดริ้วรอย (ที่เกิดจากการหดตัวขยับซ้ำๆ ของกล้ามเนื้อจนเกิดริ้วรอย) ลดขนาดใบหน้า โดยการลดกล้ามเนื้อบริเวณกล้าม (กล้ามเนื้อบดเคี้ยวที่ทำให้กรามดูใหญ่ หน้าดูกางเป็นเป็นเหลี่ยม) และอื่นๆ เช่น การลดเหงื่อ การลิฟต์ ซึ่งการฉีดแต่ละแบบก็มีวิธีแตกต่างกัน
โบท็อกซ์ที่ผ่าน อย. ในประเทศไทยและนิยมใช้จะมีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ ซึ่งเป็นสารที่เรียกกันอย่างสามัญว่า Botulinum Toxin A (ส่วนชื่อยี่ห้อขออุบไว้ก่อนค่ะ ลิขสิทธิ์พี่เขามาแรง หากอยากรู้หลังไมค์กับฉันนะคะ) ส่วนคำถามที่สาวๆต้องถามเลยก็คือ เอ๊ะ! แล้วมันต่างกันอย่างไร ต่างยี่ห้อ ต่างสัญชาติ หน้าตาจะต้องไม่เหมือนกันถูกไหมคะ แต่โบท็อกซ์นะคะ ไม่ใช่คน คงไม่ได้ต่างกันที่รูปร่าง สีผิว สีตา คาวาอี้ หรอกค่ะ
โบท็อกซ์ถือว่าเป็น Botulinum Toxin A เหมือนกัน (Botulinum Toxin B ก็มี แต่ประเทศไทยยังไม่เห็นใช้กันทั่วไป) ถ้าอย่างนั้นละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกันนะจ๊ะ) ส่วนคุณภาพยานั้นดีแน่นอน (แต่ฝีมือคนฉีดก็เป็นปัจจัยหลักเลย) โดยทั่วไปแล้วโบท็อกซ์จะมีฤทธิ์อยู่ได้นาน 6 เดือน หรืออาจนานกว่านั้นเล็กน้อย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของคนไข้ คือเลี่ยงความร้อน อย่าพยายามใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมาก มันก็จะอยู่นานหน่อย เช่น บางคนบอกว่า "ฉันฉีดโบท็อกซ์จากอเมริกามานะเฟ้ย มันต้องอยู่ได้นานจนวันเผาสิ"
แบบนี้ก็ไม่ใช่ เพราะตัวยาจะมีความเสื่อมตามกาลเวลาและไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าอยู่กันได้นานกี่เท่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับงบประมาณและการเลือกว่าต้องการแบบไหนมากกว่า
ถ้าจะเปรียบเทียบก็คล้ายกับการเลือกกระเป่าแบรนด์เนม จุดประสงค์คือคือใช้หิ้วและใส่ของได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่แพงจะเป็นอมตะ ไม่เก่า ไม่เปื่อย แต่มันอาจจะใช้ทนกว่า สวยกว่า ตัดเย็บดีกว่า แต่เทียบแล้วราคาของแบรนด์เนมหนึ่งใบ เราอาจจะซื้อกระเป๋าราคาธรรมดาใหม่ ใช้ไปได้ทั้งชีวิต (อันนี้ไม่นับพวกโบท็อกซ์ปลอมหรือที่ไม่ได้มาตราฐานนะคะ เพราะอันนั้นฉีดแล้วผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งอาจจะมีการดื้อยาในการฉีกครั้งต่อไป หรือไม่เห็นผลเลยก็ได้)
สุดท้ายนี้ การที่จะเลือกฉีดโบท็อกซ์หรือแีดอะไรเข้าตัว ควรที่จะดูตาม้าตาเรือ หรือฉีดกับหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้น
โดยไม่สุ่มสี่สุ่มห้าไปฉีดกับหมอกระเป๋า หมอเถื่อน หากพลาดพลั้งขึ้นมาก็ต้องโทษตัวเอง
โบท้อกซ์แม้ว่าจะพลาด แต่มันก็มีระยะหมดฤทธิ์ คือ 6 เดือน โดยจะสลายได้เร็วเมื่อเจอความร้อน ดังนั้น ถ้าพลาดก็ไม่เสียโฉมถาวร แต่ก็ทำให้เราจิตตกไปได้นานทีเดียว