การผ่าตัดตกแต่งศัลยกรรมสมัยนี้ ได้พัฒนารุดหน้าไปมาก มีเทคนิคใหม่มากมายจากทั้งไทและต่างประเทศที่จะช่วยให้ใบหน้าดูสวยและได้สัดส่วนขึ้น การศัลยกรรมสมัยใหม่จะมองแบบองค์รวม คือทุกอย่างบนใบหน้าจะต้องลงตัว ไม่ใช่จมูกสวย ตาปากสวยแบบเวอร์ๆ แต่อยู่รวมกันบนใบหน้าเราแล้วกลับดูไม่สวย ไม่กลมกลืน ไม่เป็นธรรมชาติ ดูแล้วมันขัดตาแบบขาดๆ เกินๆ แต่แหม คนธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ไม่ได้ทำงานใช้หน้าตาเหมือนดารานางแบบ พริตตี้ ครั้นอยู่ๆ จะให้มาทุบหรือทำทั้งหน้า ตา จมูก ปาก ก็ใช่ว่าทุกคนแบบนั้นจริงไหมคะ
ื วันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันนี้เทคนิคการทำศัลยกรรมในประเทศที่สาวๆ หนุ่มๆ ฮิตทำกันนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อเป็นความรู้เบื้องต้นหากคุณคิดอยากจะทำศัลยกรรม
การทำจมูกในประเทศไทยหลักๆ คือการเสริมด้วยซิลิโคน ซึ่งจะสวยหรือไม่สวยขึ้นอยู่กับฝีมือหมอและเทคนิคในการเหลาซิลิโคนของแต่ละท่าน เหมือนการปั้นหุ่นนั่นเอง ถ้าปั้นออกมาไม่สวย มันก็ขึ้นรูปออกมาไม่สวย ดังนั้น การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนนั้นจะขึ้นอยู่กับฝีมือทั้งการเลาะ การเหลา การยัด การเย็บ ฉะนั้นฝีมือและสไตน์หมอแต่ละท่านจึงต่างกัน เนื่องด้วยเทคนิคการเหลาซิลิโคนที่แตกต่างกันนั่นเอง
แต่สมัยนี้เทคโนโลยีทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ทางการหมอ เพราะซิลิโคนสำเร็จรูปที่ให้หมอเลือกใช้กันหลากหลายรุปแบบ ทั้งของอเมริกา เกาหลี ทำให้การทำจมูกจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับฝีมือหมอและการทำการตลาดของแต่ละคลินิก
ถัดจากเทคนิคการใส่ซิลิโคนอย่างเดียวก็มาถึงเทคนิค การใส่หยดน้ำที่ปลายจมูกด้วยกระดูกหู ไขมัน หรือเนื้อเยื่อต่างๆซึ่งส่วนใหญ่หมอที่ทำเทคนิคนี้จะประเมินทรงจมูกแบบผสมผสานเพื่อความสมดุลของจมูกของคนไข้ (นั่นหมายถึง เทคนิคที่ซับซ้อนขึ้นทำยากขึ้น และราคาที่แพงขึ้นจนหูฉีกนั่นเอง) โดยเทคนิคนี้จะประกอบด้วยการทำจมูกให้หลักๆ สามอย่าง คือ การใส่ซิลิโคนไล่สโลปสันจมูกให้สวย การต่อปลายจมูกหยดน้ำด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู และการปรับปีกจมูกให้ได้รูปทรงสวยกลมกลืน ซึ่งวิธีการเสริมปลายจมูกด้วยกระดูกหลังใบหูนี้จะเป็นการแก้ไขปัญหา จมูกสั้น จมูกรั้น ซึ่งมีโอกาสที่จมูกจะทะลุได้ ถ้าซิลิโคนยาวเพื่อจะยึดหรือดันจมูกให้ปลายพุ่งแบบพินอคคิโอ
วิธีนี้จะใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูมาเป็นตัวต่อปลายจมูก และต่อความยาวให้กับปลายจมูกให้เป็นรูปหยดน้ำ โดยสามารถยืดความยาวได้ถึง 5 มิลลิเมตร หรือครึ่งเซนติเมตรโดยที่ไม่เป็นอันตรายและไม่เสี่ยงต่อการทะลุปลายจมูก โดยจะได้เป็นหยดน้ำที่ดูหวานสไตน์เกาหลี อีกทั้งกระดูกอ่อนหลังใบหูยังเป็นเนื้อเยื่อของเราเอง ทำให้ผสานเป็นเนื้อของเราไปเลย ซึ่งจะดูเป็นธรรมชาติมาก และหลังจากไปแล้วประมาณ 3 เดือนสามารถจับปลายจมูกเล่นได้เหมือนกับธรรมชาติให้มาจริงๆ ค่ะ
โดยคำถามที่หลายท่านมักสงสัย มีดังนี้
1.ต้องผ่าตัดทั้งจมูกและหูคือผ่าทั้งสองที่หรือเปล่า?
ตอบ ใช่ค่ะ ผ่าทั้งจมูกและหูเพื่อนำเนื้อเยื่อไขมันและกระดูกอ่อนมาใช้ในการปรับแต่งปลายจมูก แต่แผลของการนำเนื้อเยื่อใบหูจะซ่อนอยู่ที่หลังใบหูซึ่งมองไม่เห็นแผล และอาจจะมีอาการชาที่หูประมาณ 1-2 สัปดาห์เท่านั้นค่ะ โดยจะตัดไหมพร้อมไหมจมูก
2.หูจะแหว่งหรือเบี้ยวไหม
ตอบ ไม่ค่ะ เพราะกระดูกที่เรานำมาเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่ทำให้โครงสร้างของใบหูเปลี่ยนแปลง ใบหูจะมีหน้าตาเหมือนเดิม เพียงแต่จุดที่เราเลาะกระดูกออกมาจะนิ่มกว่าบริเวณอื่นเล็กน้อย ซึ่งไม่มีผลต่อรูปร่างของใบหูใด ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคอื่นอีก ทั้งโอเพนนำกระดูกจากเซปตัมบลาๆ พูดไปก็ยาว ขอวิธีที่แพร่หลายในประเทศแล้วกันนะคะ แต่ถามว่าเทคนิคที่ก้าวหน้านั้นหมอไทยทำได้ไหม ทำได้ค่ะ แต่ไม่ทุกคน
เฮ้ย! อ่านมาทั้งหมดทำไมมันเหมือนโฆษณาทำจมูกของคลินิกเลย เราสนับสนุนการเสริมจมูกแบบแพงๆ สินะ ต้องทำจมูกด้วยกระดูกใบหูเท่านั้นใช่ไหม จึงจะเกาหลี สวย เริด เราจะบอกตามที่เราหาข้อมูลมานะคะ แต่อันที่จริงแล้วการทำจมูกจะขึ้นอยู่กับทรงจมูกเดิมของเราด้วย ถ้าของเดิมดั้งจมูกหัก จมูกหมูปีกจมูกบานเป็นร่ม จนแม่ค้าแถวตลาดขอไปยืมกางแล้วจะมาบอกหมอว่า "หมอ หนูมีงบ 8,000 บาท จะเอาจมูกแบบเรียวๆ นะ ขอสโลปสวยๆ แบบดาราเกาหลีนะ ตรงปลายเอาเรียวๆ เล็กๆเล็กๆ นะมีหยดน้ำด้วยนะ แล้วปีกจมูกอยากให้เรียวๆ เล็กๆ นะ ขอแผลหายเร็วด้วยนะ ต้องรีบใช้หน้า" เอ่อ คุณน้อง ขอรบกวนให้ส่องกระจกนิดหนึ่ง ถามว่าแบบที่อยากให้ทำน่ะ หมอทำได้ไหม ด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคทางการหมอสมัยนี้สามารถทำได้ค่ะ แต่งบ 8,000 บาท จะเอาทุกอย่างตามที่บอกนี่ หมอแนะนำให้คุณน้องเอาเงินส่วนนั้นไปทำบุญให้มากๆ เพื่อที่จะสวยในชาติหน้าดีกว่าค่ะ เพราะถ้าชาตินี้ สมมุติถ้าน้องบินไปเกาหลีก็ต้องใช้เงินประมาณ 200,000 บาท ถ้าทำที่ประเทศก็ประมาณ 50,000-60,000 บาทค่ะ
ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าหมองกเงิน ไม่มีปัญญาทำให้นะคะ แต่ว่าถ้าคุณน้องไม่ประเมินหนังหน้าตัวเองแล้ว ความคาดหวังสูงเลิศในงบประมาณกระจิริค คงไม่มีหมอคนไหนเสี่ยงทำให้เนื่องจากงบประมาณแค่นั้นอาจเพียงพอสำหรับการใส่ซิลิโคนแท่งเดียว ซึ่งถามว่าน้องจะสวยขึ้นไหม สวยขึ้นแน่นอนค่ะ แต่คงไม่ได้ตามที่น้องบรรยายมาแน่นอน และหากหมอทำให้แล้วไม่สวยเริดอย่างท่่น้องหวังไว้ น้องก็จะมีอาการนอยวีนแตกค่ะ เพราะหมอหลายคนเจอมาแล้วกับความคาดหวังสูงเหล่านั้น ดังนั้น ก่อนการผ่าตัดจึงต้องมีการประเมินโดยหมออย่างไรล่ะคะว่าทรงจมูกเดิมแบบนี้สามารถทำได้แบบไหน ด้วยวิธีไหนบ้าง ในงบประมาณเท่าไหร่ เหมือนจะพูดแต่เรื่องเงิน แต่หมออยากให้เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ไปฟังคนข้างบ้าน เพื่อน บล็อกเกอรื เอเยนต์ศัลยกรรมพนักงานหน้าร้าน เป่าลมร่ายมานต์ว่าคนนั้นไปทำมาแล้วสวยอย่างนั้น สวยอย่างนี้ เธอมาทำสิ ต้องสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ ซึ่งพอทำออกมาแล้วนอกจากจะเสียเงิน แต่ยังต้องเสียใจกับผลที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
การผ่าตัดไม่ใช่การฉีดโบท็อซ์นะคะ ตัดแล้ว ใส่แล้ว เจ็บตัวแล้ว ถ้าไม่ชอบ ไม่สวย ก็ต้องแก้ ถ้าไม่แก้ก็ต้องทนไปกับความทุกข์ทรมานที่ทำแล้วไม่เป็นดังหวัง ดังนั้น เมื่อคุณเลือกที่จำทะศัลยกรรมอะไรสักอย่าง ขอร้องเถอะค่ะ เสียเวลาคุยกับหมอที่เป็นคนลงมือผ่าให้คุณสักเล็กน้อย ถ้าหมอไม้ให้คุยก็ไม่ต้องทำค่ะ เพราะตอนคุณอยู่บนเขียง คุณไม่สามารถร้องขอชีวิตอะไรได้อีกแล้ว หมอแต่ละท่านจะทำไปตามที่ถนัดและสไตล์ของแต่ละท่านค่ะ
เมื่อทำออกมาแล้วจะสวยไม่สวย จะถูกใจไม่ถูกใจ มีแก้ทีหลังมันเปลืองเงินค่ะ ที่สำคัญคือคนแก้เหนื่อยที่จะต้องมาแก้งานที่ไม่รับผิดชอบ เช่น ใส่ซิลิโคนเวอร์ๆ จนหนังปลายจมูกรับไม่ไหว ผลก็คือทะลุไงคะ บางกรณีมันไม่ทะลุในวันสองวัน บางคนปีสองปี บางคนหลายปี ถ้าไม่อยากแก้ ไม่อยากเจ็บตัวบ่อยๆ อย่าอยากสวยชั่วคราว เลือกที่พอดีกับเราและปลอกภัยดีกว่าค่ะหรือไม่ก็ยอมเสียเงินเพิ่ม เพื่อทำกรรมวิธีที่สวยได้ปลอดภัยด้วยดีกว่าค่ะ
สุดท้ายนี้การผ่าตัดทุกอย่างมีความเสี่ยง ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลทุกครั้งก่อนการผ่าตัด (สโลแกนคุ้นๆ) อีกอย่างคืออย่าเสพติดศัลยกรรมค่ะ เพราะใบหน้าคนเราก็มีขีดจำกัด หากทำมากๆ หน้าตาอาจจะออกมาเป็นมนุษย์ต่างดาว ผู้ที่เสพติดจนพลาดก็มีให้เห็นจำนวนมากแล้ว ดังนั้น ควรเก็บไว้เตือนตัวเองจะดีกว่า แม้ว่าความสวยจะไร้ขีดจำกัด แต่คนเราต้องรู้จักจำกัดความอยากสวยแบบเสพติดค่ะ